“มหาปัฏฐาน มหาปกรณ์”
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มหาวชิราลงกรณ
บาลีเถรวาทราชวิทยาลัย
ศากยบุตรสามเณรสีหะ
จำนวน ๒๗๓ รูป รวมสาธยาย
ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.




คณะสงฆ์พระเถรนานาชาติ หมุนเวียนสวดสาธยายเดี่ยว รูปละ ๓๐ นาที ต่อเนื่องติดต่อทั้งกลางวันและกลางคืน สลับกับการปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ตลอดกิจกรรม
สาธุชน สามารถเข้าร่วมกิจกรรมสวดสาธยายและปฏิบัติธรรมพระกัมมัฏฐาน ร่วมกับพระสงฆ์เถรนานาชาติ ในวัน เวลา และ สถานที่ ดังนี้
• วันที่ ๒๗ เมษายน – ๔ พฤษภาคม สวดคัมภีร์มหาปัฏฐาน ณ มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย
• วันที่ ๔ พฤษภาคม – ๒ มิถุนายน สวดคัมภีร์มหาปัฏฐาน สาธยายพระสูตร และพุทธมนต์ ตลอดจนการปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติอ่างทอง วัดนิสสรณวนาราม
• วันที่ ๓ – ๕ มิถุนายน พิธีปัจฉิมนิเทศ สวดสาธยาย “มหาปัฏฐาน มหาปกรณ์” ณ มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย
• วันที่ ๖ – ๘ มิถุนายน ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร สาธยายพระสูตรและพุทธมนต์พิเศษ
• วันที่ ๙ – ๑๐ มิถุนายน สาธยายพระสูตร และพุทธมนต์ ตลอดจนการปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติอ่างทอง วัดนิสสรณวนาราม
• วันที่ ๑๑ – ๑๒ มิถุนายน สาธยายพระสูตร และ พุทธมนต์ ณ วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี
ปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย จึงกำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติตลอดปี
พระธรรมวชิราจารย์ ผู้อำนวยการมหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นางกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานฝ่ายฆราวาส คณะสงฆ์พระเถรนานาชาติ และศากยบุตรสามเณรสีหะ ๒๗๓ รูป ในพิธีสวดสาธยายมหาปัฏฐาน และ ปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน ๔๕ วัน ณ มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย
หลังพิธีเปิดปฐมนิเทศโครงการ พระธรรมวชิราจารย์ นำคณะสงฆ์พระเถรนานาขาติ และศากยบุตรสามเณรสีหะ เชิญคัมภีร์มหาปัฏฐาน สู่อาคารพระราชทานมหาวชิราลงกรณ ฯ สถานที่ประกอบพิธีสวดสาธยายมหาปัฏฐาน มหาปกรณ์
ในคัมภีร์อัฏฐสาลินี กล่าวถึงความสำคัญของคัมภีร์ปัฎฐานว่า…. นับตั้งแต่วันตรัสรู้จนถึงขณะทรงพิจารณาทบทวนพระอภิธรรม ๖ คัมภีร์แรกนั้นพระฉัพพรรณรังสีมิได้แผ่ประกายออกจากพระวรกายของพระผู้มีพระภาคเลยแต่พอทรงพิจารณาปัฏฐานที่ท่านเรียกว่า มหาปกรณ์พระฉัพพรรณรังสีก็แผ่ประกายออกมา คงเป็นเพราะในปัฏฐานมีนัยกว้างใหญ่ไพศาล ดุจห้วงน้ำในมหาสมุทรที่เรียกว่า “นัยสาคร” ซึ่งเป็นที่พระสัพพัญญุตญาณของพระผู้มีพระภาคมีโอกาสที่สำแดงพลังออกมาได้เช่นเดียวกับ “ชลสาคร”คือห้วงน้ำมหาสมุทรลึก ๘๔๐๐๐ โยชน์ เป็นที่ปลาใหญ่ชื่อ ติมิระ และ ปิงคละได้มีโอกาสสำแดงพลังแหวกว่ายเล่นน้ำได้อย่างเต็มที่ การสำแดงพลังของพระสัพพัญญุตญาณนี้เองเป็นเหตุให้พระฉัพพรรณรังสีแผ่ประกายออกมา….
“ปัฏฐาน” เป็นคัมภีร์ที่ ๗ ของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์และเป็นคัมภีร์ที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้ว่าจะสูญสิ้นเป็นคัมภีร์แรกเพราะเป็นคัมภีร์ที่ละเอียดลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพโดยที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเรื่องราวความเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กันโดยนัยมากมายทั้งพิสดารและละเอียดสุขุมลึกซึ้งยิ่งนักด้วยเหตุนี้ท่านอรรถกถาจารย์จึงเรียกคัมภีร์นี้ว่า “มหาปัฏฐาน”
ตามหลักฐานกล่าวว่าเมื่อพระผู้มีพระภาคทรงพิจารณาพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์อยู่นั้นเมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์ที่ ๑ คือธัมมสังคณีจนถึงคัมภีร์ที่ ๖ คือ ยมกมาตามลำดับมิได้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ต่อเมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์ที่ ๗ คือ ปัฏฐานจึงได้เกิดรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายถึง ๖ สี (หรือที่เรียกว่าฉัพพรรณรังสี) คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีม่วงหงสบาท และสีเลื่อมปภัสสร พระอรรถกถาจารย์ได้ให้ความหมายของคำว่า“ปัฏฐาน”ไว้ถึง ๓ นัยดังนี้
๑. เพราะอรรถว่าแสดงปัจจัยมีประการต่าง ๆ
๒. เพราะอรรถว่าจำแนกข้อธรรมด้วยปัจจัยต่าง ๆ
๓. เพราะอรรถว่าเป็นที่ดำเนินไปแห่งพระสัพพัญญุตญาณ
ผู้ใดก็ตามสามารถเข้าใจในคัมภีร์มหาปัฏฐานทั้งในแง่ของปริยัติและในแง่ของปฏิบัติก็จะสามารถถ่ายถอนความเห็นผิดในสภาพธรรมทั้งปวงว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นตัวตนเราเขาและความเห็นของบุคคลนั้นก็จะเป็นความเห็นอันบริสุทธิ์ที่เรียกว่ากังขาวิตรณวิสุทธิอันเป็นความบริสุทธิ์ที่ล่วงพ้นจากความสงสัยในนามรูปทั้งปวง ด้วยอำนาจปัญญาที่เกิดจากวิปัสสนาญาณคือปัจจยปริคคหญาณอันเป็นญาณที่สองในญาณ ๑๖ เมื่อเห็นธรรมทั้งปวงว่ามีเหตุมีปัจจัยแล้วความเห็นผิดทั้งสองอย่างคือความเห็นว่า มี คือ สัสสตทิฏฐิ และความเห็นว่า ไม่มี คือ อุจเฉททิฏฐิเป็นอันโดนทำลายเพราะเข้าไปรู้สภาพของกระบวนการเหตุและผลตามความเป็นจริง กล่าวคือทำลายความเห็นว่าขาดสูญเพราะเห็นผลธรรมที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจเหตุไม่มีธรรมที่เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุและทำลายความเห็นว่ามีอยู่เมื่อเห็นเหตุเหล่านั้นมีความดับไปเป็นธรรมดาหาได้มีอยู่เป็นนิจไม่ มีเพียงการเกิดขึ้นประชุมกันของเหตุและปัจจัยแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา
ขอเชิญสาธุชนร่วมบุญบารมี
ธ.กรุงไทย สาขากำแพงแสน
ชื่อบัญชี มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย
เลขที่ : 726-0-76552-6
พระธรรมวชิราจารย์ รศ.ดร.
รักษาการผู้อำนวยการ มหาวชิราลงกรณบาลีเถรวาทราชวิทยาลัย
๐๙๒ – ๖๙๔ – ๘๘๘๓
รศ.ดร. เวทย์ บรรณกรกุล
ผู้รับผิดชอบโครงการ
๐๘๑ – ๙๔๓ – ๒๖๖๕