หลวงพ่อพระมหาบรรจบ | ตอนที่ ๑
<<<>>>
ด้วยแรงอธิษฐานหรืออย่างไร?
นับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นวันแรกที่พบหลวงพ่อพระมหาบรรจบ ขนฺติโก ณ บ้านรางพิกุล กำแพงแสน ทุกครั้งที่ผมโพสชื่อท่าน มักจะมีคำว่า “หลวงพ่ออธิษฐานขอให้มีพระเณรมาจากทุกทิศ มาจากทุกชาติภาษา ขอให้มาเรียนภาษาบาลีที่นี่ มาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่” ล่าสุดเมื่อวานนี้ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๔ ผมไปดูการปรับพื้นที่เพื่อสร้างกุฏิที่พักประธานสงฆ์ หลวงพ่อก็พูดว่า “หลวงพ่อไม่นึกไม่ฝันว่า มันจะเป็นจริงขึ้นมาได้” พร้อมกับยกมือประนมขึ้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก (ผมก็ต้องยกมือตามท่าน) กล่าวบทสวด อิมินา ปุญญกัมเมนะ ฯลฯ จบแล้วท่านก็กล่าวว่า …ขอให้มีพระเณรมาจากทุกทิศ มาจากทุกชาติภาษา ขอให้มาเรียนภาษาบาลีที่นี่ มาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่… “หลวงพ่อทำแบบนี้ หลังทำวัตรทุกเช้า ทุกเย็น เป็นเวลาติดต่อกันมาร่วม ๑๐ ปี”
การซื้อที่ดินสร้าง Campus
จะเป็นด้วยแรงอธิษฐานของท่านหรืออย่างไร? ผมตอบไม่ได้
หลังจากซื้อที่ดินจำนวน ๕ ไร่ โครงการขยายที่ตั้งวิทยาเขตฯ สิ้นสุดลงนับว่า วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม มีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว ก็จะมีการซื้อที่ดินสร้าง Campus เป้าหมายเพื่อเป็นที่พักของพระนิสิต อาจารย์เจ้าคุณพระเทพสุวรรณเมธี ได้ประกาศในพิธีปักหมุดไม้มงคล ณ พื้นที่ดินของวิทยาเขตฯ วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ว่า … จะซื้อที่ดินติดกันนี้ สร้างที่พัก จัดรมณียสถาน จำนวน ๕ ไร่ … หลังสิ้นเสียงประกาศเจตนาของอาจารย์เจ้าคุณฯ พี่เต้ยเสริมสุข ปัทมสถาน เดินมากระซิบผม “พี่สุวรรณา เตชะวิบูลย์ ถวายซื้อที่ดินแปลงนี้ ๑ ล้านบาท” เจ้าภาพท่านแรกได้เขียนเช็คถวาย ๑ ล้านบาท
วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ท่านพันโทไพโรจน์ พนารินทร์ เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจพระนิสิตเปรียญ ๙ ประโยค ในความอุปถัมภ์รับทุนการศึกษา ผมพาไปเดินดูที่ดิน ได้โทรคุยเจรจากับเจ้าของที่ จนได้ราคาที่จะซื้อไร่ละ ๒ ล้าน ๘ แสนบาท รวม ๕ ไร่ เป็นเงิน ๑๔ ล้าน วันต่อมาพี่พันโทไพโรจน์ ได้โอนเงินมาจำนวน ๑ ล้าน เพื่อให้วางมัดจำทันที ผมได้ตามเจ้าของที่มาพบ ทำยกร่างสัญญา และขอวางมัดจำก่อน ๑ ล้านบาท เจ้าของที่ยังไม่รับ ขอกลับไปอ่านสัญญาให้ดีก่อน โดยวันต่อ ๆ มา เจ้าของที่ดิน ได้แจ้งว่า ขอแบ่งแยกโฉนดก่อน จึงจะทำสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงนี้ได้ ใช้เวลาร่วม ๗ เดือน เนื่องด้วยเป็นท้องทุ่งนาหน้าฝนหาหมุดเขตไม่เจอ
ในระหว่างที่รอแบ่งโฉนดที่ดิน ผมก็เริ่มทำการประชาสัมพันธ์ระดมทุนเพื่อซื้อที่ดินแปลงนี้ โดยมีการระดมทุนเข้าบัญชีมหาวิทยาลัย และบัญชีมูลนิธิสถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆส มีรายนามเจ้าภาพหลัก เช่น พันโทไพโรจน์ พนารินทร์ ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท คุณสุวรรณา เตชะวิบูลย์ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท คุณพนิดา ชอบวณิชชา ๕๐๐,๐๐๐ บาท คุณพิรพร คล่องเวสสะ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และปัจจัยกฐินผ้าป่า พร้อมทั้งผู้บริจาคสมทบทั่วไป อีกจำนวนหนึ่ง
คณะกรรมการจัดซื้อที่ดิน มีมติให้ซื้อเป็นก้อนแรก ๖ ล้านบาท และขอชำระที่เหลือเป็นเวลา ๒ ปี เมื่อใคร่ครวญถึงสภาพเศรษฐกิจเนื่องด้วยปัญหาโรคระบาด ในสภาพการณ์เช่นนี้ การที่ต้องแบกภาระหนี้สิน ๘ ล้าน ต้องหามาชำระภายในเวลา ๒ ปี คงเป็นไปไม่ได้แน่ จึงขอให้มีการชะลอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ไว้ก่อน
จะเป็นเพราะแรงอธิษฐานของหลวงพ่อพระมหาบรรจบหรืออย่างไร มิอาจทราบได้ วันยกร่างสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๓ มีเงินวางมัดจำวางตรงหน้า เจ้าของที่ดินขอยังไม่ลงนาม ไม่ขอรับเงินมัดจำ ๑ ล้าน หากวันนั้น … มีการลงนามและรับมัดจำ คงไม่มีวันนี้ ๓๖ ไร่ ๓ งาน ๗๒ ตารางวา และกำลังจะขยายเป็น ๗๙ ไร่ ในเร็ววันนี้
ติดตามอ่านเรื่องราวย้อนหลังได้ที่
ตอนที่ ๑ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-1
ตอนที่ ๒ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-2
ตอนที่ ๓ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-3
ตอนที่ ๔ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-4
ตอนที่ ๕ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-5
ตอนที่ ๖ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-6
ตอนที่ ๗ https://www.sakyasiha.org/story-of-sakya-7