หลวงพ่อพระมหาบรรจบ | ตอนที่ ๓
จาริกไปตามนิมิต
<<<>>>
วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ เมื่อท่านอาจารย์เจ้าคุณพระเทพสุวรรณเมธี และผม เดินทางมาถึงบ้านอาจารย์สวัสดิ์ เวลาบ่ายโมงเศษ ๆ สนทนารำลึกความหลังกันสนุกสนาน ถามถึงคนนั้นอยู่วัดนี้ คนนี้อยู่วัดนั้น ตอนนี้ไปไหน
ผมสังเกตได้อย่างหนึ่ง เมื่อคนมีอายุคุยกันเรื่องเก่า ๆ เล่าความหลังจะมีสีหน้าแววตาสดใสเบิกบาน ผมฟังก็เพลินตาม ด้วยความที่อาจารย์สวัสดิ์ พุ่มมาก ท่านเคยบวชเรียน จำพรรษา ณ วัดเจ้ามูล มีความสนิทสนมและเคารพนับถือหลวงพ่อบรรจบมาก เพราะหลวงพ่อมุ่งมั่นเรียนบาลีจนได้เป็นมหาเปรียญ ๘ ประโยค และจบศาสนศาสตรบัณฑิต ศน.บ. มหามกุฏฯ ส่วนอาจารย์สวัสดิ์เรียนปริยัติสามัญจบมัธยมแล้วก็ลาสิกขาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยข้างนอก มีอาชีพรับราชการ ก็ยังแวะเวียนไปกราบหาครูบาอาจารย์อยู่เป็นประจำ
อาจารย์สวัสดิ์ เล่าถึงหลวงพ่อพระมหาบรรจบว่า ท่านเป็นพระชอบปฏิบัติกรรมฐาน นั่งสมาธิภาวนาได้เป็นเวลานาน ๆ “ผมจำได้ว่า ในช่วงนั้น ท่านเรียนบาลี น่าจะ ป.ธ. ๕ หรือ ป.ธ. ๖ นี่แหละ ผมลาสิกขาทำงานแล้ว ก็แวะไปกราบเยี่ยมท่านเป็นประจำ ท่านมักจะพูดว่า เมื่อท่านนั่งสมาธิ จะมีเสียงมาบอกตลอดเวลา ให้ออกจาริกธุดงค์ไปทางทิศนี้ ๆ ผมฟังท่านพูดอย่างนั้น ก็คิดว่า คงเพราะท่านนั่งสมาธินานเกินไป แต่ท่านบอกว่า นอกจากจะมีเสียงแล้ว ยังเห็นอาคารสวยงามล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียว ท่านอยากไปดูตามเสียงที่บอกท่าน” อาจารย์สวัสดิ์เล่าถึงตรงนี้ ท่านเจ้าคุณพระเทพสุวรรณเมธี ก็พูดขึ้นว่า “นิมิต”
“ใช่ ๆๆๆ ครับ หลวงพ่อบรรจบพูดว่า มีนิมิตมาบอกตลอดให้ออกจาริกไปทิศนี้ ๆ”
อาจารย์สวัสดิ์เล่า “…หลังจากนั้นท่านก็ไปจำพรรษาที่วัดหทัยณเรศวร์ พุทธมณฑล ซึ่งเป็นวัดที่คุณหญิงสมนึก เปรมวัฒนะ สร้างขึ้นมาใหม่…”
อาจารย์สวัสดิ์ เล่าต่อว่า “… เมื่อหลวงพ่อบรรจบไปจำพรรษาที่วัดหทัยณเรศวร์ ผมก็ไม่ได้ไปพบท่านอีกเลย จนผมพบแม่ชีเกศร จึงได้ทราบว่า หลวงพ่อบรรจบต้องการพบ ผมจึงรีบไปหาท่านที่วัดหทัยณเรศวร์ เมื่อไปพบท่าน ท่านก็เอาโฉนดที่ดิน ณ บ้านรางพิกุล กำแพงแสน ออกมาให้ดู ๒ แปลง ท่านบอกว่า ตรงตามที่นิมิตบอกทุกประการ…”
“… ผมจึงได้ตามท่านไปดู แล้วก็ตามช่างบุญธรรม มาช่วยสร้างกุฏิสงฆ์เสร็จ ๑ หลัง พรรษาแรก ก็มีพระไปจำพรรษาด้วย ๑ รูป…” อาจารย์สวัสดิ์ กล่าว