หลวงพ่อพระมหาบรรจบ | ตอนที่ ๖
ปิดทางเข้า ! ท่านคงไม่รับเราแล้ว
๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔
<<<>>>
วันที่ ๒๒ มีนาคม อาจารย์สวัสดิ์ พุ่มมาก โทรบอกหลวงพ่อพระมหาบรรจบแล้วว่า คุณภัสส์กุญช์ (ผู้บริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินถวายหลวงพ่อ) กราบอาราธนาให้ท่านเจ้าคุณพระเทพสุวรรณเมธี และ ดร.เวทย์ มาปรึกษาเรื่องการนำที่ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หลวงพ่อพระมหาบรรจบ ตอบสั้น ๆ ให้เห็นหน้า ให้พิจารณาดูก่อน
วันที่ ๒๓ มีนาคม พระเทพสุวรรณเมธี และ ดร.เวทย์ มาพบปรึกษาอาจารย์สวัสดิ์ที่บ้าน เมื่อ เวลา ๑๓.๐๐ น. เศษ ๆ เมื่อออกจากบ้านอาจารย์สวัสดิ์ ท่านอาจารย์เจ้าคุณ ตัดสินใจไปบ้านรางพิกุล เย็นวันเดียวกันนี้เลย (โดยนัดตกลงกับอาจารย์สวัสดิ์ จะไปวันอาทิตย์ที่ ๒๘) อะไรทำให้อาจารย์เจ้าคุณ ต้องรีบไปวันนี้ นี่ก็จะเย็นแล้ว
“อาจารย์ครับ สมมติว่า ถ้าเราไปเจอ ปิดประตูทางเข้า เราจะปีนเข้าไปไหม” ผมถามในรถ “เข้า” ท่านเจ้าคุณตอบ “ผมว่า ถ้าท่านเข้าสมาธิ มีฌานสมาบัติจริง ท่านต้องรู้ว่า พวกเรากำลังไป” ผมถาม “เดี๋ยวก็รู้” ท่านเจ้าคุณตอบสั้น ๆ
“… ได้รับการถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด เอาโฉนดที่ดินเป็นชื่อของตัวเอง นี่ก็ไม่เหมาะไม่ควรแล้วนะครับ โยมถวายเงินซื้อที่ เอาโฉนดเป็นชื่อตัวเอง เพื่ออะไร แล้วก็ไม่ทำตามเจตนาเดิมของโยม… ไม่พูดไม่คุยกับโยมอีกเลย คืออะไร ผมไม่เข้าใจ” ผมพูดไปตามประสาของผม
“เดี๋ยวก็รู้” ท่านเจ้าคุณ พูดสั้น ๆ ตามเดิม พร้อมกับโทรศัพท์บอกพี่ภัสส์กุญช์ “… อาตมาฟังอาจารย์สวัสดิ์เล่าเรื่องต่าง ๆ อยากไปวันนี้ เลยโยม… ใจเย็น ๆ นะ อาตมาคิดว่า ก็แล้วแต่ท่าน ลองดู ๆ เดี๋ยวก็รู้…” เสียงพูด คุยโทรศัพท์ พูด..หยุดฟัง เป็นจังหวะ แล้วท่านก็โทรนัดพี่ จี ภิชาภพ ดิษยะ เลขาฯ พี่ภัสส์กุญช์ ให้เดินทางไปด้วยกัน
เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. เดินทางถึงหมู่บ้านรางพิกุล รถไม่สามารถเข้าถึงที่ดินได้ เพราะฝนตกหนักเมื่อช่วงบ่าย ต้องจอดข้าง ๆ ถนนดำ เดินทางลุยโคลนเข้าไปประมาณ ๑ กิโลเมตร เป็นไปตามคาดการณ์ ทางเข้าถูกปิดด้วยกิ่งไม้ พี่จี ภิชาภพ ให้คุณเก่ง เด็กในพื้นที่ นำเครื่องกีดขวางออก แล้วพวกเราก็เข้าไปภายใน
พื้นที่ เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ถนนทางเดิน สองข้างทางแม้จะรก แต่ยังปรากฏทางเดินเท้า แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อบรรจบ ท่านยังเดินดูแลที่ดินของท่าน มีต้นไม้ใหญ่เล็กเรียงราย ตามสองข้างทาง “ต้นนี้ผมปลูกไว้เมื่อมาซื้อปีแรก ๆ โตขนาดนี้แล้ว” พี่จีพูด แต่ผมบ่นพึมพำ “เสียดาย ๆๆ ที่พระไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย” คุยพลาง วิ่งนำหน้าไปเก็บภาพ
“อาจารย์เจ้าคุณครับ เราจะเข้าไปกุฏิท่านไหม” ผมถามท่านอาจารย์เจ้าคุณ
“ไม่เข้า ๆ เข้าไปในกุฏิ ต้องรออาจารย์สวัสดิ์ (ศิษย์ใกล้ชิด) เรามาดูที่ก่อน ถ้ามีวาสนาต่อกัน คงได้พบท่านอยู่นอกกุฎิ” ท่านอาจารย์เจ้าคุณ พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงหมาเห่า ตามหลังมา เสียงรถมอเตอร์ซาเล้งดังขึ้นตามหลังขึ้นเรื่อย ๆ
“นั่นไง หลวงพ่อมาแล้ว” เสียงน้องเก่ง พูดขึ้น
ทุกรูป ทุกคน หยุดเดิน รอหลวงพ่อ ท่านเจ้าคุณและเราทุกคนยืนประนม ให้รถหยุด หลวงพ่อไม่หยุด ไม่สนใจ ไม่รับไหว้ วิ่งผ่านพวกเราไป เหมือนพวกเราไร้ตัวตน
ท่านทั้งหลายที่อ่านถึงตรงนี้ คงเข้าใจสภาพจิตใจพวกเราที่ยืนกัน ๕ ท่านนะครับ ความเก้อเขินอายที่เรากำลังจะทักทายหรือไหว้ใครสักคน ขณะที่รถมอเตอร์ผ่านไป ท่านเจ้าคุณ ก็พูดทักทายรายงานตัว แต่ ไม่รับ ไม่ตอบ ไม่มองหน้าด้วยซ้ำไป
“ท่านไม่พูดกับใครมานานหลายปีแล้ว” “โยมที่เคยออกปัจจัยให้ท่านสร้างกุฏิไปหา ไปพบ ท่านก็ไม่รับโยม” เสียงอาจารย์สวัสดิ์ยังก้องกังวาน ในโสตประสาท ทุกคนเดินลัดเลาะหาทางกลับ ไร้เสียงพูดคุยกัน มีเพียงเสียงน้องเก่ง เด็กพื้นที่ พูดแนะนำพื้นที่ ขณะเดินทางกลับมายังทางออก
“แสดงว่า ท่านยังไม่พร้อมคุย ไม่เป็นไร ผมจะรายงานคุณภัสส์กุญช์เอง” พี่ภิชาภพ เลขาคุณภัสส์กุญช์ พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบไร้การสนทนา
“… บัดนี้ ความหวังที่จะมีพื้นที่สร้างสถานที่เรียนบาลีคัมภีร์โบราณ จัดเป็นเอกเทศ เป็น Campus สัดส่วนเฉพาะคงสิ้นสุดลงแล้ว ได้ขอบอกเลิกการซื้อที่ดินข้างเคียงที่ใหม่บาฬีศึกษาพุทธโฆส ด้วยความไม่พร้อม และคงไม่พร้อมอีกนาน ได้รับความหวังจากท่านมหาอุบาสิกาผู้ออกเงินซื้อที่ถวายพระ และที่ดินตรงนี้ ตรงที่เรากำลังจะจากไป ก็รกร้างว่างเปล่า เจ้าของเงินซื้อที่ดินถวายท่าน ท่านยังไม่คุยด้วยเลย เราเป็นใคร !
ผมคิดในใจลึก ๆ รู้สึกกล้ำกลืน “ต่อไปนี้จะหยุดคิดทำโน่นนี่นั่นซะที ถึงเวลาสอนก็ไปสอนตามชั่วโมงเถอะ สอนหนังสือรับเงินเดือนไปวัน ๆ ดีกว่า เสาร์อาทิตย์ นอนรับลมหน้าบ้าน นั่งคุยกับปลาหน้าบ้านสบายกว่า พอกันที ที่คิดจะทำโครงการเรียนอันนั้น อันนี้”
ผมเดินตามคณะหลังสุด อาจจะเหนื่อยอ่อนล้า เพราะเดินร่วม ๆ ๓ – ๔ กิโล ตั้งแต่ถนนดำ แต่ท้อตรงที่งานที่คิดจะทำ ไม่คืบหน้า ยกเลิกการซื้อที่ดินติดที่ใหม่พุทธโฆสไปแล้ว มีความหวังจากอุบาสิกาผู้ออกปัจจัยซื้อที่ ได้เพียง ๒ วัน ก็ดับความหวังลงวันนี้ พอกันที …..
ในขณะที่กำลังเดินถึงถนนทางออกจากพื้นที่ เสียงรถมอเตอร์ดังขึ้นอีกครั้ง